เงินสี่ด้าน Robert Kiyosaki

เงินสี่ด้าน Robert Kiyosaki
เงินสี่ด้าน หมายถึงอะไร? มันก็คือลักษณะอาชีพและรูปแบบการทำงานที่แตกต่างกันไป แบ่งออกเป็น 4 ประเภท ดังนี้
1.Employee (ลูกจ้าง)
2.Self-employed (ธุรกิจส่วนตัว)
3.Business owner (เจ้าของธุรกิจ)
4.Investor (นักลงทุน)



        โรเบิร์ต ที คิโยซากิ (Robert Kiyosaki) จะอธิบายรายได้แต่ละประเภท เงินแต่ละด้าน ว่ามีความสำคัญอย่างไรกับการใช้ชีวิตและงานอะไรที่สามารถทำให้ชีวิตประสบความสำเร็จได้  ไปดูวีดีโอกันเลยครับเพื่อนๆ



        โรเบิร์ต ที คิโยซากิ นักธุรกิจและนักเขียนชื่อดังเคยกล่าวเอาไว้ในหนังสือเงินสี่ด้านว่า  พ่อจนของผมสอนผมว่า เวลาที่ไปโรงเรียนควรตั้งใจเรียนทำคะแนนสอบให้ได้ดีแล้วจะได้งานที่มั่นคงทำ นั้นหมายความว่าพ่อพยายามจะโปรแกรมให้ผมอยู่ในด้าน E (Employee) ในขณะที่แม่ก็มักจะบอกเสมอว่า ถ้าอยากจะเป็นคนรวยก็ต้องเป็นแพทย์หรือนักกฎหมาย เพราะว่าเป็นอาชีพที่ทำส่วนตัวได้ และจะมีงานทำตลอดชีวิต


        แต่ พ่อรวย ของผมสอนว่า ถ้าอยากจะเป็นคนรวย เธอต้องทำธุรกิจส่วนตัว และคนส่วนใหญ่ไม่มีวันจะรวยได้เพราะมัวคิดถึงแต่ธุรกิจของคนอื่น และถ้าเธอต้องการที่จะมีอิสระ เธอก็จะต้องคิดถึงการสร้างธุรกิจส่วนตัวและธุรกิจส่วนตัวที่พ่อรวยสอนผมหมายถึง ธุรกิจในด้าน B (Business owner) ไม่ใช้ S (Self employers หรือ Small business owner)”

        คำกล่าวนี้ของโรเบิร์ต นับว่าน่าสนใจมากทีเดียว เพราะโรเบิร์ตให้คำตอบที่แสดงความแตกต่างของคำว่า  เจ้าของธุรกิจ  กับ  เจ้าของธุรกิจส่วนตัว  ได้ชัดเจนว่า คนที่เป็นเจ้าของธุรกิจ (B) จะสามารถปล่อยวางงานของเขาได้ เป็นปี เมื่อเขากลับมาแล้วธุรกิจก็ยังคงดำเนินอยู่  และอาจจะได้กำไลมากขึ้นด้วย ส่วนคนที่ประกอบกิจการส่วนตัวนั้นไม่อาจจะหยุดงานได้ และต้องทำงานหนักวันหนึ่งเกิน 8-12 ชั่วโมง และถ้าเมื่อไหร่หยุดงานรายได้ก็หยุดตามไปด้วย


        ดังนั้นเพื่อนๆที่อ่านอยู่ก็เข้าใจไม่ผิดหรอกครับ ที่ผมจะบอกว่าให้เพื่อนๆริเริ่มทำ  ธุรกิจเครือข่าย สัก 1 อย่าง เพราะว่ามีอยู่มากมายหลายยี่ห้อและขอให้พิจารณาให้ดีๆ ก่อนที่จะตัดสินใจว่า บริษัทที่ดำเนินธุรกิจเครือข่ายไหนที่พอจะตอบโจทย์ปัญหาของเพื่อนๆได้หรือไม่ แล้วค่อยๆ เริ่มทำแบบค่อยเป็นค่อยไป โดยเริ่มจากการศึกษาให้จริงจังเสียก่อน ที่สำคัญคือ ต้องทำแบบต่อเนื่องให้ยาวนานพอด้วย

        เหตุผลหนึ่งที่เราควรหันมาทำธุรกิจแบบนี้ไว้บ้าง เพราะเชื่อหรือไม่ว่า สักวันคนใกล้ตัวของเรา ไม่ว่าจะเป็นคนรัก เพื่อน ญาติ พี่น้อง หรือเพื่อนที่ทำงาน ต้องมีสัก 1 คน มาชวนให้ทำ ธุรกิจเครือข่าย อย่างแน่นอน และต่อให้ปฏิเสธธุรกิจเครือข่ายที่ใครก็ตามมานำเสนอในวันนี้ไป ในวันข้างหน้า 5 ปี หรือ 10 ปี ก็จะต้องมีคนมาชวนเพื่อนๆอีก แล้วทำไมเราไม่ลองทำดูก่อนเลย เพราะถ้าทำสำเร็จหรือใกล้เคียง เราก็ร่ำรวยมากขึ้นกว่าเดิมได้อย่างแน่นอน ดีกว่าจะอยู่และคิดแบบเดิมๆ โดยที่ไม่มีการเปลี่ยนแปลงอะไรเลย

หวังว่าบทความที่นำมาฝากเพื่อนๆจะเป็นประโยชน์นะครับ
ถ้าชอบ คอมเม้น หรือ แชร์ เพื่อเป็นกำลังใจให้ผมขอบคุณครับ


แด่ความสำเร็จของทุกๆท่าน
อภิชา เชาวนาศิริ
สวัสดีครับ


ใช้คุณหรือเปล่า ที่ต้องการเรียนรู้เคล็ดลับ ฟรีๆ วิธีการทำเงินจากที่บ้านถ้าใช้ รีบด่วน ! ก่อนระบบจะเต็ม กรอกชื่อและ E-Mail ด้านล้าง
ปล.กลับไปที่ E-Mail ของท่านเพื่อยืนยันรับข้อมูล